1. ทางธรรมชาติ (Animalic)
  2. ทางวิทยาศาสตร์ (Synthetic)

ซึ่งนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างหรือปรุงน้ำหอมภายใต้แบรนด์ LAB PARFUMO จากการเก็บข้อมูล ทดสอบ ทดลอง บันทึกผลทำให้เราพบว่า เมื่อนำเอาสารประกอบทางวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า Iso E Super มาผสมรวมกับ Animalic Notes คือ

  1. Ambergris อำพันทะเลที่ได้จากสำรอกของวาฬสเปิร์ม
  2. Civet ไขจากต่อมไขมันของตัวชะมด
LAB Parfumo Ambergris

โดย Animalic ทั้ง 2 ต้อง เป็นสารจากธรรมชาติเท่านั้น (เมื่อนำเอาสารทั้ง 3 ชนิดมาทำละลาย แล้วกรองเอาเฉพาะของเหลว นำมาผสมกันในสัดส่วนที่เหมาะสม ตามสูตรที่ได้จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการวิจัยน้ำหอมของ LAB Parfumo) ซึ่งนอกจากจะให้คุณสมบัติในการตรึงกลิ่นน้ำหอมให้ติดทนนานแล้ว ยังให้คุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งขึ้นมาคือ “กลิ่นเฉพาะ” เราจึงตั้งชื่อสารที่ค้นพบใหม่นี้ว่า X-Secret Scent

X-Secret Scent ถูกกำหนดเป็นสารประกอบสำคัญและถูกนำไปใช้ในการสร้างน้ำหอมทุก ๆ กลิ่นของ LAB PARFUMO

“กลิ่นเฉพาะ” เกิดจาก X-Secret Scent ทำปฏิกริยาทางเคมีกับร่างกาย กล่าวคือ เมื่อ X-Secret Scent ไปเจือ กับเหงื่อ กลิ่นกายและอุณหภูมิในร่างกายเช่น ความอุ่น ร้อน เย็น ที่แตกต่างกัน โดย X-Secret Scent จะทำหน้าที่ Equalize กับกลิ่น(เดิม) ของร่างกาย ทำปฏิกิริยาและแสดงกลิ่นใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวหรือกลิ่นประจำตัวของบุคคลคนนั้น แม้ว่าจะใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นเดียวกัน กลิ่นที่เกิดขึ้นก็จะมีความแตกต่างกันไป ตามคุณสมบัติทางเคมีของแต่ละบุคคล ไม่ซ้ำกัน และยังสามารถช่วยในการแสดงตัวของกลิ่นให้ชัดขึ้น

Animalistic ถูกใช้กับน้ำหอมประเภท Classic Fragrance โดยส่วนประกอบที่นำมาปรุงน้ำหอมมาจากน้ำมันหอมของดอกไม้ ผลไม้ ยางไม้ หรือสารหอมตามธรรมชาติ และยังมีการเติมกลิ่นเฉพาะที่มาจากสัตว์ โดยสัตว์ที่นิยมในวงการน้ำหอมที่เป็น Animalic Note มีอยู่ 3 อย่าง ได้แก่

LAB PARFUMO ambergris

ambergris

“อำพันทะเล” เกิดจากการสำรอกของวาฬสเปิร์ม มีลักษณะเป็นก้อนไขมัน แข็ง ๆ มีหลายเฉดสี ตั้งแต่สีเทา ดำไปจนถึงโทนสีอ่อน อย่างสีส้ม หรือสีขาวคล้ายหินอ่อน Ambergris ประกอบด้วย  คลอเรสเตอรอล ไขมันและแอลกอฮอล์เชิงซ้อน ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการตรึงกลิ่น และการทำให้กลิ่นของสารประกอบอื่นๆ ติดทนนาน  มากขึ้น (Long-lasting Scent) อำพันทะเล ถูกขนานนามว่าเป็น “ทองที่ลอยน้ำได้” เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก มีประโยชน์ในการสกัดทำหัวน้ำหอม จนน้ำหอมแบรนด์ดังๆ หลายแบรนด์ต่างเฝ้ารอคอยการค้นพบและแย่งชิงเพื่อจะได้นำมันมาเป็นส่วนประกอบในการผลิตน้ำหอม

Ambergris แสดงกลิ่นแบบ Sexy Musky แล้วยังแสดงกลิ่นอ่อนๆของกลิ่นทะเล Aquatic Note แทรกขึ้นมาด้วย ซึ่งทำให้กลิ่นมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก (Unique Scent) เมื่อไปผสมหรือทำปฏิกิริยากับสารอื่น อาจกล่าวรวมๆได้ว่า Ambergris คือ Aquatic and Animalic Touch เป็นกลิ่นที่สามารถทำให้รู้สึกถึงทะเล ลมพัดชายฝั่ง และบางสัมผัสให้กลิ่นคล้ายแป้งอ่อนๆ กลิ่นสะอาด

กลิ่นของ Ambergris มีความน่าประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งมีองค์ประกอบของกลิ่นที่รวมอยู่ 20-30 ชนิด ในแต่ละชนิดจะให้กลิ่นที่เฉพาะตัว บางตัวอาจให้กลิ่นคล้ายเห็ด บางตัวช่อดอกไม้ บางตัวคล้ายได้กลิ่นคล้ายยาสูบ หรือบางตัวมีกลิ่นคล้ายหญ้าหรือหญ้าแห้ง จากที่กล่าวมา นักออกแบบน้ำหอมจึงใช้กลิ่นที่แรงและหลากหลายของ Ambergris เป็นกลิ่นพื้นฐาน Base Note สำหรับการปรุงน้ำหอม

อำพันทะเล แสดงกลิ่นได้อย่างน่าสนใจ ตลอดจนก่อให้เกิดกลิ่นพิเศษอย่างน่าอัศจรรย์

จึงทำให้อำพันทะเลถูกใช้ในวงการน้ำหอมมานานหลายศตวรรษ อย่างไรก็ตามอำพันทะเลเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก มีการประเมินราคาซื้อขายในราคาหลักล้านบาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันได้มีการสังเคราะห์ Ambergris ในรูปของ Synthetic แต่ก็ไม่สามารถทดแทนกลิ่น Ambergris จากธรรมชาติได้

LAB PARFUMO Civet

civet

“ไขชะมด” เกิดจากต่อมผลิตกลิ่นซึ่งเป็น Pheromone อย่างหนึ่งแยกเฉพาะต่างหาก Perineal Gland (พีรีนเนียล แกรนด์) ซึ่งมีทั้งในตัวผู้และตัวเมีย การเช็ดป้ายของเหลวเหล่านี้ก็เพื่อประกาศอาณาเขต ป้องกันตัว และดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้าม

Civet ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในศตวรรษที่ 10 ในรูปของ Animalic Note โดยนักปรุงน้ำหอมชาวอาหรับ เมื่อ Civet อยู่ในมือของนักปรุงน้ำหอมที่มีทักษะ แม้ Civet ที่เจือจางมันก็จะกลายเป็น Musky ที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลอย่างมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความอบอุ่นและความกระจ่างใสกับน้ำหอม โดยเฉพาะดอกไม้

เมื่อปรุงน้ำหอมด้วยสารประกอบเข้มข้นสูงกับ Floral Note น้ำหอมจะมีกลิ่นโดดจนแสบจมูก ฉุนจนเหม็น การเติม Civet จะช่วยปรับสมดุลของทั้งสีและกลิ่นให้หอมมากขึ้น ในทางกลับกันดอกไม้ที่มีกลิ่นอ่อนมาก ๆ อย่าง Lily of the Valley เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นเบา ก็สามารถทำให้กลิ่นกระจายสูงและลึกขึ้นด้วย Civet

Civet จัดอยู่ในประเภท Fixative (สารตรึงกลิ่น) และสร้างให้องค์ประกอบโดยรวมของน้ำหอมมีความสมบูรณ์แบบจาก Civet

ทำให้ผู้ที่ได้สัมผัสรู้สึกถึงความมีเสน่ห์ น่าดึงดูดและให้ความรู้สึกสดใสแต่แฝงด้วยความเซ็กซี่    เย้ายวน และดึงดูด จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และพบว่าเป็นกลิ่นที่มีเสน่ห์มากที่สุดในโลก

LAB PARFUMO isoesuper

iso e super

Iso E Super หรือสารสังเคราะห์ชื่อ Patchouli Ethanol (แพทชูวลี่ เอทานอล) คือหนึ่งในโมเลกุลที่เป็นองค์ประกอบของน้ำหอมหลายๆ กลิ่น โดยจะช่วยกระตุ้นกลิ่นหอม ช่วยเพิ่มระยะเวลาการแสดงกลิ่น และเน้นความชัดเจนของ Note ทำให้กลิ่นของสารนั้นมีความเด่นชัดมากขึ้น ในวงการน้ำหอมนิยมนำ Iso E Super มาเป็น Base Note และถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้เครื่องหมายการค้าของ International Flavors and Fragrances Inc. (IFF) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973

โมเลกุลของกลิ่นให้ Note เหมือน Sandalwood และ Cedarwood ซึ่งกลิ่นจะมีความกลมกล่อม มีกลิ่นไม้และยางไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และ Iso E Super ยังเป็น Super Floralizer หรือตัวชูกลิ่นของดอกไม้ได้อย่างแสนวิเศษ และถือว่าเป็นสารประกอบหลักในการผลิตน้ำหอมแนว Fine Fragrance อีกด้วย คุณสมบัติดังกล่าวทำให้ Iso E Super ที่ผสมลงในน้ำหอมให้ความรู้สึกถึงความเป็น Minimalistic Fragrance สัมผัสถึงความยั่วยวน น่าหลงไหล และยังมีกลิ่น Musky อ่อน ๆ เมื่อผสมกับ กลิ่นไม้ จึงทำให้เกิดกลิ่นที่น่าดึงดูด เกิดจินตนาการถึงความเซ็กซี่ กล่าวโดยสรุปได้ว่า

Iso E Super คือ สิ่งมหัศจรรย์ที่สร้างปฏิกิริยากับกลิ่นหรือสารประกอบด้วยกันเองแล้ว ส่งผลต่อการตอบสนองของมนุษย์ในเชิงบวกได้อย่างน่าอัศจรรย์